ย้อนรอยราคามือถือในแต่ละยุคสมัย จวบจนถึงปัจจุบัน
หากติดตามข่าวสารวงการมือถือ โดยเฉพาะทางฝั่งสมาร์ทโฟนเรือธงอยู่บ้าง จะสังเกตได้ว่า ในแต่ละปี ราคาของสมาร์ทโฟนเรือธงแต่ละค่าย เริ่มขยับตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ จากหมื่นต้นๆ ไปแตะจนถึง 3 หมื่นกว่าบาท หรือรุ่นทางเลือกอย่างเช่น iPhone X ที่ราคาเริ่มต้นก็เหยียบเลข 4 เข้าไปแล้ว หรือสมาร์ทโฟนทางฝั่งแดนมังกร ที่จะชอบมีรุ่นพิเศษ มาพร้อมราคาพิเศษอย่าง Huawei Porsche Design ที่ราคาเกือบๆ 50,000 บาท หรือล่าสุดอย่าง iMI i9 รุ่น Golden ที่ราคาขายก็อยู่ที่ 99,999 บาทเข้าไปแล้ว
แต่เอาจริงๆ แล้วที่มือถือมีราคาสูงขนาดนี้ ก็เป็นเพราะเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ถูกสรรสร้างออกมาให้เราได้ใช้งานกัน ซึ่งในอดีตมือถือในแต่ละยุคสมัยก็มีราคาที่สูง ไม่แพ้ในปัจจุบันเลย เผลอๆ อาจจะมากกว่าด้วยซ้ำไป ใน Thaiware Infographic ฉบับที่ 54 นี้ เราจึงขอนำเสนอราคาของอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือ ในแต่ละยุคสมัย มาให้เพื่อนๆ ได้รับทราบกัน ก่อนเตรียมเงินไปรับมือถือหรือสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่ในงานมหกรรมมือถือประจำปี ที่จะจัดขึ้นในเร็วๆ นี้ กันนะครับ
ย้อนรอยราคามือถือในแต่ละยุคสมัย จวบจนถึงปัจจุบัน
จะเรียกว่าโทรศัพท์มือถือ ก็ไม่ถูกนัก เพราะเครื่องแรกๆ มีลักษณะเป็นกระเป๋าหิ้วด้วยซ้ำ เรียกว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ถึงจะถูก ซึ่งอุปกรณ์นี้ในช่วงแรกๆ มีราคาสูงถึงหลักแสนเลยทีเดียว (Dancall 7030 ราคา 150,000 บาท) หลังจากนั้น โทรศัพท์เคลื่อนที่ก็เริ่มถูกพัฒนาให้เล็กลง จากกระดูกหมา มาสู่ทรงฝาพับ ใช้มือพกพาไปไหนมาไหนได้ รวมทั้งราคาที่ถูกลงมาเรื่อยๆ อย่าง Motorola StarTAC มีราคาอยู่ที่ 32,000 บาท
เป็นยุคที่แบรนด์ Nokia เฟื่องฟู มือถือในยุคนี้ มีหน้าจอขาวดำแสดงผล สามารถส่ง SMS หากันได้ เล่นเกมส์งูที่ใครหลายๆ คนรู้จักได้ ตัวเครื่องมีขนาดเล็กมาก Nokia 8850 เปิดตัวออกมาด้วยราคา 49,970 บาท ส่วน Nokia 3310 มีราคาประมาณ 22,000 บาท
มือถือเริ่มพัฒนามาเป็นจอสี ถ่ายรูปได้ (บ้าง) ฟังเพลงได้ ส่ง MMS ได้ เล่นอินเทอร์เน็ตผ่าน GPRS/EDGE ได้นิดหน่อย และเริ่มมีจอทัชสกรีนสีให้เริ่มใช้งาน รุ่นที่ฮอตๆ ในช่วงแรกก็เป็น Nokia 8800 เปิดตัวราคา 39,400 บาท และ Motorola RAZR V3 เปิดตัวราคา 32,900 บาท
เป็นยุคที่มือถือเริ่มมีกล้องหน้าสำหรับการวีดีโอคอล รวมทั้งเล่นเน็ต เล่นเกมส์ออนไลน์ได้ เนื่องจากมือถือรับสัญญาณเน็ตได้เร็วพอ iPhone เริ่มเข้ามาในตลาดมือถือที่ราคาประมาณ 20,000 บาท ซึ่งในตอนนี้ มือถือรุ่นท๊อปของ Nokia อย่างเช่น N95 มีราคาประมาณ 25,000 บาท ซึ่งสูงกว่า iPhone อยู่
สัดส่วนของมือถือในท้องตลาดเป็นสมาร์ทโฟนเสียส่วนใหญ่ โดยทั้งสเปคของมือถือและความเร็วอินเทอร์เน็ต สามารถใช้ทำงานได้ จึงเกิดโมเดลมือถือสำหรับธุรกิจขึ้นมา ซึ่งช่วงแรกๆ นั้น ราคาของรุ่นธุรกิจยังไม่ต่างจากรุ่นปกติเท่าไหร่ (Samsung Galaxy S4 ราคา 21,900 บาท ในขณะที่ Samsung Galaxy Note 2 ราคา 22,900 บาท) แต่ในปีต่อๆ มา ราคาของทั้ง 2 โมเดล เริ่มแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด
ทางแบรนด์ได้เริ่มเพิ่มตัวเลือกให้กับผู้บริโภคที่ใช้งานสมาร์ทโฟนเรือธงมากขึ้น ด้วยการเพิ่มโมเดลพิเศษขึ้นมา อย่างการพ่วงท้ายชื่อรุ่นทั้ง Edge, Plus หรือ Pro ซึ่งจะมีความแตกต่างทั้ง สเปคภายใน เทคโนโลยีใหม่ หรือขนาดหน้าจอที่ใหญ่ขึ้น เช่น Samsung Galaxy S6 ราคา 23,900 บาท แต่ Samsung Galaxy S6 Edge ราคา 27,900 บาท หรือ iPhone 6 ราคา 25,500 บาท ซึ่ง iPhone 6 Plus ราคาเพิ่มขึ้นมาเป็น 29,400 บาท
มาจนถึงล่าสุด ไม่กี่ปีมานี้ แบรนด์ต่างๆ เริ่มออกสมาร์ทโฟนเรือธงโมเดลพิเศษขึ้นไปอีก สำหรับคนที่ต้องการความพิเศษที่ยิ่งกว่า ไม่ว่าจะเป็นดีไซน์พิเศษ อย่างเช่น Huawei Mate Porsche Design ราคา 49,990 บาท, iPhone X ที่มาพร้อมกับทางเลือกเทคโนโลยีใหม่ ที่ราคาเริ่มต้น 40,500 บาท หรือจะเป็น iMI i9 Golden ที่ืทำจากทองคำและมีราคาขายที่ 99,999 บาท
จะเห็นได้ว่า เมื่อมีเทคโนโลยีใหม่เปิดตัวแรกๆ ราคาจะดีดตัวขึ้นสูง จากนั้นก็จะลดลงมาตามลำดับ เมื่อตลาดมีกำลังในการผลิตมากขึ้น และเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ จะเห็นได้ว่า iPhone X ที่บอกว่าราคาสูงในปัจจุบัน ราคายังน้อยกว่ามือถือรุ่นจอขาวดำในอดีตด้วยซ้ำ แต่ก็ไม่แน่ว่า อีกไม่นานราคามือถือจะสูงขึ้นพอๆ กับอดีตก็เป็นได้
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : https://www.thaiware.com/
รับออกแบบติดตั้งระบบNetwork,รับเขียนเว็บไซต์,รับวางระบบ network,เช่าและจำหน่ายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ >> https://vivadeva.com/